หน้าแรก

วันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2558

แนวคิดความเป็นเหตุเป็นผล



แนวคิดความเป็นเหตุเป็นผล

เรียบเรียงโดย
วชิรวัชร  งามละม่อม
Wachirawachr  Ngamlamom

วิธีการอธิบายแนวนี้ เรียกว่า ทฤษฎีตัวแปรที่ก่อให้เกิดผลเด็ดขาด (Single Crucial Variable Theories) โดยกัสตับ เอฟ. ปาปาเนค (Guatab F. Fapanek) ทั้งนี้ เพราะทฤษฎีเหล่านี้เน้นปัจจัยอย่างเดียวที่เป็นสาเหตุความด้อยพัฒนา แต่ก็มิได้เป็นทฤษฎีที่ถือว่ามีสาเหตุอันเดียว เพราะทุกทฤษฎีเน้นความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งมีกระบวนการที่สลับซับซ้อนที่อยู่ภายใต้อิทธิพลของปัจจัยมากมายหลายอย่าง แต่มีอยู่เพียงอย่างหนึ่งที่สำคัญมากและเป็นตัวที่อธิบายถึงความยากลำบากทั้งหลายทั้งปวงที่ปรากฏอยู่ในอัตราความเจริญเติบโตที่เป็นอยู่ขณะนี้

ปัจจัยที่ปาปาเนค เอ่ยชื่อถึง ได้แก่
1. สภาพอากาศเป็นปัจจัยสำคัญยิ่งตามทฤษฎีอาณานิคมและได้รับการสนับสนุนต่อมาอีกว่าเป็นปัจจัยอย่างหนึ่ง แต่ตามทฤษฎีการทำให้ทันสมัยแล้ว สภาพอากาศมิได้ส่งผลให้เกิดความด้อยพัฒนา เพราะยังไม่มีเหตุผลที่จะอธิบายได้อย่างพอเพียง
2. การสะสมทุนที่ยังไม่พอเพียง สาเหตุของการสะสมทุนที่ยังไม่พอเพียงนี้มีความเห็นแตกต่างกันออกไป บางคนก็กล่าวว่า มาจากการขาดความสามารถในการออมอันทำให้มวลชนทั้งชาติตกอยู่ในวงจรความชั่วร้ายแห่งความยากจน บางคนก็มีความเห็นว่า บรรยากาศการลงทุนไม่มีและขาดแรงกระตุ้น
เพราะเหตุว่าตลาดในประเทศกำลังพัฒนามีขนาดเล็กเกินไป ไม่พอเพียงที่จะทำให้ได้เงินมาลงทุน นักวิชาการบางคนก็กล่าวว่า ประเทศกำลังพัฒนามีภาคการเงินที่ขาดประสิทธิภาพ ไม่มีความสามารถที่จะทำหน้าที่ในการแปรสภาพการออมทรัพย์ให้ไปสู่การลงทุน เมื่อขาดแคลนความสามารถของภาคการเงินดังกล่าวจึงทำให้ทั้งการออมทรัพย์และการลงทุนเป็นไปไม่ได้
3. ปัจจัยสำคัญอีกประการเป็นเรื่องของมนุษย์โดยตรง คือ การขาดดุลภาพของคนเป็นปัญหาที่มีนักวิชาการกล่าวถึงเสมอและเป็นปัญหาพื้นฐาน เพราะคนมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนามาก นอกจากจะไม่มีคุณภาพทางด้านความรู้ความสามารถแล้ว ยังขาดคุณภาพด้านศีลธรรมจรรยาอันเป็นความต้องการพื้นฐานในการอยู่ร่วมกันของมนุษย์ด้วย ในที่นี้จะกล่าวเฉพาะคุณภาพของมนุษย์ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการพัฒนาซึ่งมีลักษณะสำคัญ 3 ประการ คือ
(1)   การขาดแคลนแรงงานที่มีประสบการณ์ ความรู้ และทักษะ ในประเทศกำลังพัฒนามีแรงงานจำนวนมากแต่ไม่มีความรู้ ไม่มีประสบการณ์ และไม่มีฝีมือ
(2)   การขาดแคลนผู้ประกอบการในภาคเอกชน ไม่มีนักธุรกิจและนักลงทุนที่มีความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์เพียงพอ
(3)   ความสามารถในการตัดสินใจและการบริหารหรือการจัดองค์การที่ใช้ความรู้วิทยาการก้าวหน้าที่มีระบบและใช้หลักวิชายังมีน้อย
1. ปัจจัยทางด้านสังคมวิทยา กล่าวคือ โครงสร้างทางสังคม (Social Structure) มีลักษณะดั้งเดิมโบราณ เช่น มีครอบครัวขนาดใหญ่ (Extended Family) แบบตะวันออก คือ มีทั้ง พ่อ แม่ ลูก พ่อตา แม่ยาย พ่อของพ่อ ลูกของลูก ลูกของหลาน บางครั้งมีลูกหลานของพี่น้องของพ่อหรือแม่และญาติพี่น้องอื่นๆ อยู่ในครอบครัวด้วย รวมกันแล้วมากกว่า 10 คน ยิ่งกว่านั้นยังมีการถ่ายทอดความคิดความเชื่อและวัฒนธรรมจากบรรพบุรุษต่างๆ กันอีกด้วย สิ่งดังกล่าวเป็นอุปสรรคต่อการเปลี่ยนแปลงพัฒนาและความมีเหตุมีผลที่ถูกต้อง ทั้งยังเป็นตัวสกัดกั้นพฤติกรรมที่มีเหตุมีผลทางเศรษฐกิจ คนจะมีความเชื่อ มีค่านิยม และพฤติกรรมที่นำไปสู่การเพิ่มขึ้นของประชาชนอย่างมากมาย อันเป็นผลทางลบต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ
 2. ปัจจัยภายนอกอื่นๆ ที่เกิดขึ้นกับการมีความสัมพันธ์กับต่างชาติหรือองค์การระหว่างประเทศไม่ว่าจะทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม จิตวิทยา และการบริหาร มีความเชื่อกันอยู่ว่าประเทศพัฒนาแล้วที่มีอำนาจสามารถที่จะแสวงประโยชน์จากประเทศกำลังพัฒนาและด้อยพัฒนาได้มากกว่าในรูปแบบต่างๆ กัน ในสมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่สองมักจะอาศัยวิธีการแบบเมืองขึ้นหรืออาณานิคม ต่อมามีความคิดว่าเป็นการแสวงประโยชนโดยวิธีการพึ่งพา เป็นต้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น