หน้าแรก

วันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2558

แนวคิดความเจริญเติบโตอย่างไม่มีดุลยภาพ



แนวคิดความเจริญเติบโตอย่างไม่มีดุลยภาพ

เรียบเรียงโดย
วชิรวัชร  งามละม่อม
Wachirawachr  Ngamlamom

การพัฒนาของประเทศด้อยพัฒนานั้น ควรเริ่มจากการลงทุนขนาดใหญ่ในสาขาเศรษฐกิจที่เป็นยุทธศาสตร์หรือเป็นสาขานำการพัฒนาให้กับสาขาอื่นๆ เช่น สาขาโครงสร้างพื้นฐาน
การพัฒนาแนวนี้อาจทำให้เกิดการขาดดุลยภาพ (Disequilibrium) ขึ้นในระบบเศรษฐกิจ แต่สามารถปรับตัวได้ถ้ารัฐบาลใช้มาตรการที่เหมาะสม
สาขาที่ควรเป็นยุทธศาสตร์ควรเป็นอุตสาหกรรมที่ผลิตสินค้าสำเร็จรูปหรือเกือบสำเร็จรูป เพื่อการบริโภคและอุปโภค อุตสาหกรรมประเภทนี้จะทำให้มีการผลิตสินค้าขั้นกลางและขั้นพื้นฐานเพื่อนำมาใช้ในอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ต่อไป
ในปี ค.ศ. 1958 อัลเบิร์ต โอ. เฮิลช์แมน ได้เสนอทฤษฎีการพัฒนาความเจริญเติบโตอย่างไม่สมดุล โดยมีแนวคิดสำคัญว่า การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศด้อยพัฒนานั้น ควรเริ่มจากการลงทุนพัฒนาขนาดใหญ่ในสาขาเศรษฐกิจที่เป็นยุทธศาสตร์หรือสาขานำการพัฒนาในสาขาอื่น เช่น สาขาการสร้างโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการพัฒนา และเฮิสช์แมน เชื่อว่าการลงทุนพัฒนาในสาขาใดสาขาหนึ่งที่จะถือเป็นสาขานำได้นั้นจะต้องสามารถทำให้การอุตสาหกรรมอื่นๆ ตามมาในภายหลังอันเกิดการมีอุตสาหกรรมสาขาแรกดังกล่าว และในตอนท้ายย่อมทำให้มีการอุตสาหกรรมต่างๆ เพิ่มขึ้นและเกิดการพัฒนาในที่สุด

นอกจากนี้ เฮิสช์แมน ยังถือว่าประเทศกำลังพัฒนามีทรัพยากรไม่พอเพียงอันเป็นสาเหตุที่ทำให้ด้อยพัฒนาและการพัฒนาอย่างไม่สมดุลนี้เป็นกระบวนการที่ค่อยเป็นค่อยไป ดังนั้น จึงเป็นไปได้ยากที่จะทำให้มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ทันสมัยในระบบเศรษฐกิจที่ล้าสมัย ความขาดแคลนที่สำคัญได้แก่ การขาดความสามารถที่จะเข้าใจและตัดสินใจในการลงทุน แม้จะมีโอกาสอยู่ก็ทำไม่ได้ การแก้ปัญหาจึงควรกระทำโดยการสร้างสถานการณ์เพื่อบีบให้คนตัดสินใจลงทุน สถานการณ์ดังกล่าวทำได้โดยทำให้ภาคทางเศรษฐกิจแตกต่างกัน กล่าวคือ ทำบางส่วนของเศรษฐกิจให้เจริญเติบโต ความขาดแคลนในภาคที่เป็นส่วนประกอบจะมีแรงบังคับให้เกิดความเจริญเติบโตตามไปด้วยโดยการลงทุน ดังนั้น ภาคหรือส่วนที่จะนำมาพัฒนาจึงควรได้รับการคัดเลือกให้เป็นที่แน่ใจว่าจะเป็นส่วนที่ทำให้มีการลงทุนตามในด้านอื่นๆ รัฐบาลย่อมจะต้องเป็นผู้จัดหาโครงสร้างพื้นฐานให้พอเพียงอันเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ลงทุน อย่างไรก็ตาม การมีโครงสร้างพื้นฐานเป็นเพียงเครื่องอำนวยความสะดวกเท่านั้น มิได้เป็นสถานการณ์ที่จะบีบให้มีการลงทุนเกิดขึ้น สิ่งที่ควรทำอาจจะเป็นการใช้ปัจจัยอย่างอื่น เช่น เงินช่วยเหลือและมาตรการด้านภาษี เป็นต้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น