เศรษฐกิจพอเพียงในกระแสโลกาภิวัตน์
เรียบเรียงโดย
วชิรวัชร งามละม่อม
Wachirawachr Ngamlamom
พลวัตการเปลี่ยนแปลงและแนวโน้มอันเกิดจากกระแสโลกาภิวัตน์ได้เปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ด้านการค้า, การลงทุนและการผลิตของโลกไปในแนวทางใหม่ที่ ทุน คน เทคโนโลยี
สินค้าและบริการ สามารถเคลื่อนย้ายข้ามพรมแดนกันได้อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
กระแสโลกาภิวัตน์ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในบริบทสำคัญๆ ทั้งในระดับมหภาคและระดับจุลภาค
เราจะเตรียมตัวอย่างไรกับภูมิทัศน์ใหม่ของการแข่งขันในเวทีโลกนี้ (สุวิทย์ เมษินทรีย์,
2549)
โครงสร้างความสัมพันธ์
กรอบความคิดและวัฒนธรรมการทำงานแบบใหม่ของการแข่งขัน ก่อให้เกิดโอกาส พร้อมๆ กับความเสี่ยงภัย
เราจะรับมือกับประเด็นและความท้าทายเหล่านี้ได้มากน้อยแค่ไหน
ย่อมขึ้นอยู่กับความเข้าใจในการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างความสัมพันธ์ดังกล่าว
พร้อมๆ กับการประเมินความพร้อมและภูมิคุ้มกันของแต่ละภาคส่วนว่ามีอยู่มากน้อยเพียงใด
จากอดีตถึงปัจจุบันมีการทะยานขึ้นมาและดับลงของมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอยู่ตลอดเวลา
แต่ละประเทศจึงจำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์
เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงและความผันผวนที่เกิดขึ้น กรณีศึกษาเชิงลึกของเกาหลีใต้
ประเทศที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจขึ้นพร้อมกับไทย ในขณะที่เกาหลีก้าวทะยานไปแล้ว
ประเทศไทยยังขับเคลื่อนไปในอัตราค่อนข้างเฉื่อย
ภายใต้ภูมิทัศน์ที่เปลี่ยนไปในเวทีโลก การสร้างความมั่งคั่งของชาติมีได้หลายมิติ
อาทิ มิติของอุตสาหกรรมและธุรกิจ
จะทำอย่างไรให้ธุรกิจและอุตสาหกรรมในประเทศมีการเปลี่ยนผ่านไปสู่อุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม
ในมิติของวัฒนธรรมจะใช้วัฒนธรรมเป็นรากในการสร้างความมั่งคั่งของชาติได้อย่างไร หรือในมิติของภูมิศาสตร์จะทำให้ประเทศไทยมีจุดเด่นเป็นศูนย์กลางของภมิภาคได้อย่างไร
ธุรกิจไทยสามารถพัฒนาเพื่อไต่ข้ามบันไดการสร้างมูลค่าจากรูปแบบธุรกิจที่ “ทำมากได้น้อย” ได้หรือไม่
ภาคเอกชนสามารถดึงศักยภาพที่มีอยู่สร้างความมั่งคั่งในบริบทของการแข่งขันในเวทีโลกได้อย่างไร
นโยบายวัฒนธรรมนำเศรษฐกิจได้ถูกนำมาใช้ในการสร้างความมั่งคั่งของชาติในหลายประเทศ
อาทิ ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น จีนและเกาหลีใต้
นโยบายวัฒนธรรมแห่งชาติของประเทศไทยนั้น
มีความชัดเจนเพียงใดในการสร้างความมั่งคั่งของชาติแบบยั่งยืนหรือไม่อย่างไร
ขณะนี้หลายภูมิภาคและหลายประเทศกำลังแข่งขันกัน เพื่อเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคในเรื่องใด
มีจุดเด่นมากน้อยแค่ไหน
เมื่อเทียบกับคู่แข่งขันทั้งในภูมิภาคเดียวกันและภูมิภาคอื่นของโลก
โลกกำลังปรับเปลี่ยนจากการรังสรรค์นวัตกรรมแบบปิดไปสู่ การรังสรรค์นวัตกรรมแบบเปิด
โดยสร้างพันธมิตรเครือข่ายในกิจกรรมต่างๆ ในรูปแบบของการร่วมสร้างสรรค์ แนวโน้มที่จะแชร์ความลับทางการค้ามีมากกว่าการปกป้องความลับทางการค้า
เอกชนไทยมีความพร้อมมากน้อยเพียงใดในการรับมือและใช้ประโยชน์จากแนวโน้มต่างๆ เหล่านี้บทเรียนของวิกฤตเศรษฐกิจในทศวรรษที่แล้ว
ทำให้เราทราบถึงความไม่รู้จักประมาณตน การไม่รู้จักความพอดี ในขณะเดียวกันบทเรียนของวิกฤตการณ์ทางการเมืองที่เพิ่งผ่านมา
ทำให้เราได้เห็นรอยปริของความคิดที่แตกต่างของคนในชาติ ทำให้ต้องทบทวนนิยามของ “ความมั่งคั่งของชาติ”
ว่านอกเหนือจากการมีเศรษฐกิจที่ดีแล้วจะต้องมีสังคมที่ดีและมีกระบวนการทางการเมืองที่ชอบธรรมด้วย
การพัฒนาที่ยั่งยืนนั้นตั้งอยู่บนรากฐานของความสมดุล
ในระดับประเทศเราต้องการความมั่งคั่งที่กระจายไม่ใช่กระจุก
ในระดับองค์กรเราต้องการองค์กรที่เก่งเท่าทันโลก เกิดควบคู่กับองค์กรที่มีจริยธรรม
ในระดับบุคคลนั้น เราต้องการคนที่มีความสามารถควบคู่กับการมีคุณธรรม
ในส่วนนี้เราจะประยุกต์ใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในการกำหนดนิยามใหม่ของการสร้างความมั่งคั่งของชาติอย่างไร
กระแสโลกาภิวัตน์ผลักดันให้ทุกประเทศจะต้องมีการปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์และยุทธศาสตร์หลักของประเทศ
เพื่อให้เศรษฐกิจสามารถเติบโตอย่างต่อเนื่องและมีตำแหน่งยุทธศาสตร์ที่ชัดเจนในเวทีโลก
เพื่อให้สามารถตอบโจทย์เรื่องนี้ ช่องว่างเชิงยุทธศาสตร์ของประเทศไทยอยู่ตรงไหน
ช่องว่างของขีดความสามารถในการแข่งขันเป็นอย่างไร ภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์ เอกชนจะต้องปรับเปลี่ยนตัวเองไปสู่การเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม
เอกชนจะต้องปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์และวัฒนธรรมการทำงานจากบริบทภายในประเทศ
เป็นบริบทของโลก
เอกชนจะสามารถก้าวข้ามจากการเป็นแค่ผู้ส่งออกไปสู่การทำธุรกิจการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศได้อย่างไร
เราอยากเห็นไทยแกร่งแข่งทั่วโลกอย่างที่ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ภายใต้คณะกรรมการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันพยายามผลักดันแต่เราต้องเผชิญกับสองพลังสำคัญ
คือโลกาภิวัตน์และชุมชนภิวัตน์
ในมิติเชิงนโยบายเราจะเชื่อมโยงชุมชนภิวัตน์กับโลกาภิวัตน์อย่างไร
จุดสมดุลเชิงพลวัตระหว่างโลกาภิวัตน์กับชุมชนภิวัตน์ที่จะให้ประโยชน์สูงสุดกับประเทศไทยอยู่ตรงไหน
ในมิติเชิงบริหารจัดการเราต้องการให้ชุมชนเป็นอิสระยืนอยู่บนขาของตัวเอง
มีการพึ่งพากันเอง มีอัตลักษณ์ มีศักดิ์ศรี ในขณะเดียวกันก็เชื่อมต่อกับชุมชนอื่นๆ
หรือเชื่อมต่อกับโลกได้ คำถามเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นประเด็นที่ท้าทาย
กุญแจสำคัญในการสร้างความมั่งคั่งของชาติในบริบทของภูมิทัศน์
การแข่งขันในเวทีโลกดังเช่นในปัจจุบันมีอยู่ 3
ประการด้วยกัน คือ 1) การเปิดเสรีในระดับที่เหมาะสม
โดยการบริหารจัดการ การเคลื่อนไหลอย่างเสรีของสินค้าและบริการ ทุน คน และเทคโนโลยีอย่างไรที่จะให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศ
2) การสร้างสมดุลระหว่างภาคส่วนต่างๆ
เราจะสร้างสมดุลระหว่างภาคเกษตร ภาคอุตสาหกรรม และภาคบริการอย่างไร
เราจะปรับเปลี่ยนโครงสร้างของทั้ง 3 สาขานี้อย่างไร
จึงจะทำให้ผู้ประกอบการในแต่ละสาขามีขีดความสามารถในการแข่งขันในระยะยาวในเวทีโลก 3)
ความสามารถในการแข่งขัน
รัฐจะมีนโยบายเสริมสร้างสมรรถนะเพื่อเตรียมพร้อมในการแข่งขันและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจ
และสังคมให้กับภาคเอกชนและภาคประชาชนอย่างไร องค์ความรู้จึงเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งยวดในการเปลี่ยนผ่านประเทศไทยภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์
จึงหวังว่าสิ่งที่กล่าวมาข้างต้นจะจุดประกายทางความคิดและให้แนวทางในการปฏิบัติของทั้งระดับนโยบายและบริหารจัดการทั้งในภาครัฐและเอกชนให้เริ่มตื่นตัว
เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยสามารถสร้างความมั่งคั่งอย่างยั่งยืนและมีศักดิ์ศรีภายใต้ภูมิทัศน์ของการแข่งขันที่เปลี่ยนแปลงไปในเวทีโลก
วันนี้เศรษฐกิจพอเพียงในสังคมไทยยังไม่เกิดเต็มตัว แต่มีเหตุผลที่จะเกิดได้ (เสรี พงศพิศ,
2549) ดังนี้
1. “กระแส” ในเมืองไทยและในโลกเอื้อต่อเศรษฐกิจพอเพียง
ผู้คนในโลกหันมาแสวงหาธรรมชาติ
ซึ่งตัวเองได้ทำลายลงไปจนทำให้เกิดปัญหาอันเนื่องมาจากการสูญเสียสมดุลของระบบนิเวศน์
2. สังคมไทยมี “ศักยภาพ”
อยู่อย่างพอเพียง ยังมีทุนเป็นอันมากเพื่อพัฒนาไปสู่เศรษฐกิจพอเพียง
เป็นทุนทรัพยากร ทุนปัญญา และทุนสังคม
3. สังคมไทยมีศักยภาพที่จะ “แข่งขัน” ได้ในโลกยุคโลกาภิวัตน์ แต่ไม่ใช่แข่งขันตามวิถีทุนนิยมที่เป็นอยู่
เพราะปัจจัยที่จะไปแข่งขันกับใครต่อใครมีไม่พอ เหมือนคนตัวเล็กๆ
ไปต่อกรกับคนตัวใหญ่ๆ ไปทำแบบเขา ทำตามเขาก็เข้าทางเขาหมด
4. เรามี “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง”
ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานและทรงเป็นศูนย์รวมใจของคนไทยทั้งชาติ
ทำให้สามารถผนึกกำลังกัน ทำให้ปรัชญาดังกล่าวเกิดเป็นจริงในชีวิตครอบครัว ชุมชน
และสังคมโดยรวมได้
***********************************************
เอกสารอ้างอิง
สุวิทย์
เมษินทรีย์. (2549). จุดเปลี่ยนประเทศไทย: เศรษฐกิจพอเพียงในกระแสโลกาภิวัตน์.
กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์การเงินธนาคาร.
เสรี
พงศพิศ. (2549). เศรษฐกิจพอเพียงการพัฒนาที่ยั่งยืน. กรุงเทพฯ:
สำนักพิมพ์พลังปัญญา.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น